เอสโตรเจน หน้าที่ของเอสโตรเจนอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทำให้ผนังมดลูกหนาตัวขึ้น และ รับการเปลี่ยนแปลง เตรียมพร้อมที่จะรับการฝังตัวของไข่ ซึ่งเป็นหน้าที่ของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่สร้างขึ้นจากรังไข่หลังไข่ตก เมื่อได้รับการ ปฏิสนธิจากสเปิร์มของเพศชาย ถ้าไข่ไม่ได้รับการผสม ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะลดลง ทำ ให้เยื่อบุโพรงมดลูกที่ถูกสร้างไว้หลุด ลอกออกมาเป็นเลือดประจำเดือนทุกๆ เดือน เป็นวงจรไปเรื่อยๆ ในชีวิตผู้หญิง ๑ คน จะมีประจำเดือน เกิดขึ้นรวมแล้วประมาณ ๔๐๐ รอบ ซึ่งหากกลไกดังกล่าวทำงานผิดพลาด หรือระดับของฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนไม่อยู่ในภาวะสมดุล ก็จะมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับการมีประจำเดือนเกิดขึ้น นอกจากหน้าที่ดังกล่าวแล้ว ฮอร์โมนเพศหญิงยังทำให้ร่างกาย และเนื้อเยื่อต่างๆ มีความแข็งแรง แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์ เช่น มีการขยายของหน้าอก มากขึ้น มีการสร้างมูกในช่องคลอดมากขึ้น เพราะฉะนั้นเมื่อยังมีฮอร์โมน ผู้หญิงก็จะดูเต่งตึง สดใส มีน้ำมี นวล เซลล์ต่างๆ จะเสื่อมสภาพช้าลง กระดูกก็ยังคงสภาพที่ค่อนข้างแข็งแรง ปัจจุบันเด็กผู้หญิงทั่วโลกมีแนวโน้มจะเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เร็วขึ้น (รวมทั้งเด็กไทย) นั่นคือ ประมาณ ๙ ปีขึ้นไป ทั้งนี้อาจมีเหตุปัจจัยความเจริญในด้านต่างๆ เช่น ภาวะเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ และสภาวะโภชนาการที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันผู้หญิงก็จะเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนช้าลง ภาวะหมดประจำเดือน การหมดประจำเดือนเกิดขึ้นได้ ๒ กรณี คือ หนึ่ง หมดไปเองตามธรรมชาติ สอง เกิดจากการผ่าตัด เอารังไข่ออกเพื่อรักษาโรค ซึ่งจะทำ ให้เกิดอาการผิดปกติเร็วกว่าผู้หญิงที่หมดประจำเดือนตามธรรมชาติ อาการที่บ่งบอกว่าได้ย่างเข้าสู่ วัยทองแล้ว ในผู้หญิงอาจจะแสดงอาการล่วงหน้าประมาณ ๓-๔ ปี (ก่อนที่รังไข่จะหยุดทำงาน หยุดผลิต ฮอร์โมน) นั่นคือ ประจำเดือนจะเริ่ม มาผิดปกติ เช่น จะมาเดือนละ ๒ ถึง ๓ ครั้ง หรือประจำเดือนมาบ้าง ไม่มาบ้าง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่ารังไข่ทำงานน้อยลง ถ้าประจำเดือน ไม่มา ๖ เดือน บางครั้งอาจจะกลับ มาใหม่ได้ แต่ถ้าประจำเดือนหยุดไปนานถึง ๑ ปี ก็แสดงว่ารังไข่หยุด ทำงานแล้ว ซึ่งโดยเฉลี่ยผู้หญิงไทยจะหมดประจำเดือน เมื่ออายุประมาณ ๔๘-๕๐ ปี เมื่อเข้าสู่วัยทอง เมื่อเข้าสู่วัยทองการผลิตฮอร์โมนทั้งสองจะมีปริมาณลดลง ในช่วงแรกที่เรียกว่า premenopusal ระดับฮอร์โมนยังไม่หยุดผลิตแต่อาจจะผลิตมากไป หรือน้อยเกินไป หรือมาไม่สม่ำเสมอ ทำให้เราเกิดอาการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจ แต่เมื่อเข้าสู่วัยทองการผลิตฮอร์โมนจะลดลงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่อวัยวะดังนี้ ระบบสืบพันธ์ซึ่งรวมอวัยวะเพศ ทางเดินปัสสาวะ เนื้อเยื่อจะฝ่อทำให้เกิดอาการช่องคลอดแห้ง คันช่องคลอด เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ ปัสสาวะบ่อย กลั้นปัสสาวะไม่ได้ ผิวหนัง เลือดที่ไปเลี้ยงผิวหนังมีปริมาณมากขึ้นทำให้เกิดอาการร้อนตามตัว สมอง การที่ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงทำให้เกิดอาการซึมเสร้า อารมณ์แปรปรวน รู้สึกไม่สบายตามตัว กระดูก การขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนทำให้เนื้อกระดูกโปร่งบาง กระดูกหักง่าย ผู้ป่วยจะมีน้ำหนักน้อยลง เตี้ยเนื่องจากหลังค่อม ปวดกระดูกส่วนที่โปร่งบาง หัวใจ การฮอร์โมนจะทำให้เกิดโรคหัวใจเพิ่มขึ้น การให้ฮอร์โมนทดแทนในผู้ป่วยวัยทอง ก่อนการให้ฮอรโมนทดแทนจะต้องประเมินความรุนแรงของโรคที่พบร่วมกับวัยทองเช่นอาการร้อนตามตัว กระดูกโปร่งบางและต้องมาเปรียบเทียบกับความเสี่ยงที่จะเกิดโรคจากการให้ฮอร์โมน เช่นมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด และจะต้องพิจารณาว่ามีทางเลือกอื่นอีก หรือไม่ในการรักษาภาวะเหล่านั้นผู้ป่วยบางคนเมื่อเริ่มเข้าสู่วัยทองแพทย์จะให้ยาคุมกำเนิดรับประทานซึ่งมีผลดีหลายประการ เช่นทำให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ ลดอาการร้อนตามตัว ลดอัตราการเกิดมะเร็งรังไข่ ข้อเสียคือไม่ทราบว่าหมดประจำเดือนหรือยัง ถ้าสงสัยก็ให้หยุดยาคุมกำเนิด 4-5 เดือนแล้วดูว่าประจำเดือนมาหรือไม่ เมื่อเข้าสู่วัยทองจริงแพทย์จะพิจารณาให้ฮอร์โมนที่มีส่วนประกอบของ estrogen และ progesteroneผลดีของการให้คือ ลดอาการ ป้องกันกระดูกพรุน และป้องกันโรคหัวใจ แต่ต้องระวังโรคแทรกซ้อนคือ โรคตับอักเสบ ไขมัน triglyceride สูง โรคมะเร็งเต้านม เอสโตรเจน HonestDocs https://www.honestdocs.co/what-is-estrogen https://www.honestdocs.co
เข้าชม : 376
|